เมนู

เจริญทำให้มากซึ่งโพชฌงค์ 7 เหล่านี้อย่างนี้ไม่นานนัก ก็จะเป็นผู้ได้คุณมี
ความหน่ายโดยส่วนเดียวเป็นต้น ด้วยเหตุนั้น จึงตรัสว่า ย่อมเป็นผู้ทำที่สุดทุกข์
ได้ในปัจจุบัน สมดังที่พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสไว้ว่า
ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย โพชฌงค์ 7 เหล่านี้ อัน
บุคคลเจริญแล้ว ทำให้มากแล้ว ย่อมเป็นไป เพื่อความ
หน่ายโดยส่วนเดียว เพื่อความคลายกำหนด เพื่อ
ความดับ เพื่อควานระงับ เพื่อความรู้ยิ่ง เพื่อความ
รู้พร้อม เพื่อความดับ
ดังนี้.

พรรณนาปัญหาว่าอะไรเอ่ย ชื่อว่า 8


พระศาสดา ผู้มีจิตอันพระเถระทำให้ทรงยินดีด้วยการพยากรณ์ปัญหา
แม้นี้อย่างนี้แล้ว จึงตรัสถามปัญหายิ่งขึ้นไปว่าอะไรเอ่ยชื่อว่า 8. พระเถระ
กล่าวโลกธรรม 8 ไว้ในการพยากรณ์มากปัญหา ก็จริงอยู่ ถึงอย่างนั้น ภิกษุ
ผู้มีจิตอบรมดีแล้วในธรรมเหล่าใด ย่อมเป็นผู้ทำที่สุดทุกข์ได้ พระเถระเนื้อ
แสดงธรรมเหล่านั้น ไม่กล่าวว่า องค์อริยะแห่งมรรค 7 เพราะเหตุที่ ธรรมดา
มรรคอันพ้นจากองค์ 8 หามีไม่ แต่ว่ามรรคมีเพียงองค์ 8 เท่านั้น ฉะนั้น
เมื่อจะให้สำเร็จความข้อนั้นจึงทูลตอบ โดยวิลาสแห่งเทศนาว่า อริยมรรคมี
องค์ 8
ความและเทศนานัยข้อนี้ แม้พระผู้มีพระภาคเจ้าก็ทรงอนุมัติแล้วทั้งนั้น
เหมือนอย่างที่ตรัสไว้ว่า
ดูก่อนคฤหบดีทั้งหลาย กชังคลาภิกษุณี เป็น
บัณฑิต ฯลฯ แม้เราก็พึงพยากรณ์เหมือนกชังคลาภิกษุณี
พยากรณ์ นั่นแล.

ก็พระกชังคลาภิกษุณีนั้น พยากรณ์ไว้อย่างนี้ว่า
ผู้มีอายุ ในธรรม 8 ภิกษุผู้มีจิตอบรมดีแล้วโดย
ชอบ ฯลฯ ย่อมเป็นผู้ทำที่สุดทุกข์ได้ คำนั้นใด
พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสไว้ว่า ปัญหา 8 อุทเทส 8
ไวยากรณ์ 8 คำนี้ ดิฉันอาศัยข้อนั้นกล่าวแล้ว
ดังนี้.
ความและเทศนานั้น พึงทราบว่า พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงอนุมัติแล้ว
ด้วยประการฉะนี้.
บรรดาบทเหล่านั้น บทว่า อริโย แปลว่า อันผู้ต้องการพระนิพพาน
พึงบรรลุ. อนึ่งมรรคพึงทราบว่า อริยะ เพราะเป็นไปห่างไกลจากกิเลสทั้ง-
หลาย. เพราะกระทำให้เป็นพระอริยะ และแม้เพราะได้อริยผล. องค์ของ
มรรคนั้นมี 8 เพราะเหตุนั้น มรรคนั้น จึงชื่อว่าที่องค์ 8. มรรคนี้นั้นพึงทราบ
ว่าเป็นเพียงองค์เท่านั้น เพราะมรรคมีสภาพที่บุคคลจะไม่พึงได้ โดยแยก
ออกจากองค์ เหมือนกองทัพมีองค์ 4 และดนตรีมีองค์ 5. บุคคลย่อมค้นหา
พระนิพพานด้วยทางนี้หรือแสวงหาเอง หรือฆ่ากิเลสไป เหตุนั้น ทางนี้จึงชื่อว่า
มรรค.
ภิกษุเมื่อเจริญมรรคมีประเภท 8 และมีองค์ 8 นี้อย่างนี้ ย่อมทำลาย
อวิชชา ทำวิชชาให้เกิด ทำให้แจ้งพระนิพพานด้วยเหตุนั้น ทำนี้จึงกล่าวว่า
เป็นผู้ทำที่สุดทุกข์ได้ในปัจจุบัน สมดังตรัสไว้อย่างนี้ว่า
ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย หางเมล็ดข้าวสาลี หรือหาง
เมล็ดข้าวเหนียว ที่เขาตั้งไว้ชอบ เอามือหรือเท้า
เหยียบ จักตำเอามือหรือเท้าได้ หรือจักทำให้ห้อเลือด
ได้ ข้อนี้เป็นไปได้. เพราะอะไร. เพราะหางเมล็ด

เขาตั้งไว้ชอบ ฉันใด. ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ภิกษุนั้น
หนอก็ฉันนั้นเหมือนกัน จักทำลายอวิชชา ทำวิชชาให้
เกิด จักทำให้แจ้งพระนิพพานได้ ก็ด้วยทิฏฐิที่ตั้งไว้
ชอบ ด้วยมรรคภาวนาที่ตั้งไว้ชอบ ข้อนี้เป็นไปได้

ดังนี้.

พรรณนาปัญหาว่า อะไรเอ่ยชื่อว่า 9


พระศาสดา ผู้มีจิตอันพระเกระทำให้ทรงยินดีด้วยการพยากรณ์ปัญหา
นี้ จึงตรัสถามปัญหายิ่งขึ้นไปว่า อะไรเอ่ยชื่อว่า 9. พระเถระกล่าวซ้ำว่า
นว 9 จึงทูลตอบว่า สัตตาวาส.
ในคำนั้น คำว่า นว 9 เป็นการกำหนดจำนวน. คำว่า สัตว์ ได้แก่
สัตว์มีชีวิต ที่ท่านบัญญัติที่อาศัยขันธ์อันนับเนืองในชีวิตินทรีย์. คำว่า อาวาส
ได้แก่ชื่อว่าอาวาส เพราะเป็นที่อยู่อาศัย. ที่อยู่อาศัยของสัตว์ทั้งหลาย ชื่อว่า
สัตตาวาส นับเป็นทางแห่งเทศนา. แต่เมื่อว่าโดยอรรถใจความ คำนี้เป็นชื่อ
ของสัตว์ 9 ประเภท เหมือนอย่างที่ท่าน1 กล่าวไว้ว่า
ผู้มีอายุ เหล่าสัตว์มีกายต่างกันมีสัญญาต่างกัน
มีอยู่ เหมือนมนุษย์บางพวก เทพบางพวก และวินิ-
ปาติกะทางพวก นี้เป็นสัตตาวาสที่ 1. เหล่าสัตว์มีกาย
ต่างกัน มีสัญญาอย่างเดียวกัน มีอยู่ เหมือนทวยเทพ
ที่อยู่ในหมู่พรหมผู้เกิดเป็นพวกแรก นี้เป็นสัตตาวาสที่
2. เหล่าสัตว์ผู้มีกายอย่างเดียวกัน มีสัญญาต่างกัน
มีอยู่ เหมือนทวยเทพเหล่าอาภัสสระ นี้เป็นสัตตาวาส
3. เหล่าสัตว์ผู้มีกายอย่างเดียวกัน มีสัญญาอย่าง
เดียวกัน มีอยู่ เหมือนทวยเทพเหล่าสุภกิณหะ นี้เป็น


1. ที.ปาฏิ. 3/ข้อ 457.